ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ท่ามกลางข่าวฉาววงการสงฆ์ วัดราษฎร์ประคองธรรมยังคงยืนหยัด “บ้านหลังสุดท้าย” เผาฟรี-โลงฟรี ช่วยคนยากไร้ ไร้ญาติต่อเนื่องไม่หยุด

นนทบุรี ท่ามกลางข่าวฉาววงการสงฆ์ วัดราษฎร์ประคองธรรมยังคงยืนหยัด “บ้านหลังสุดท้าย” เผาฟรี-โลงฟรี ช่วยคนยากไร้ ไร้ญาติต่อเนื่องไม่หยุด


ในช่วงเวลาที่วงการพระพุทธศาสนาถูกสังคมตั้งคำถามอย่างหนัก หลังปรากฏข่าวฉาวเกี่ยวกับพระสงฆ์ในหลายพื้นที่ ทั้งเรื่องพฤติกรรมส่วนตัว การแสวงหาผลประโยชน์ การละเมิดพระธรรมวินัย และการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดที่ไม่โปร่งใส ส่งผลให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยเกิดความคลางแคลงใจและเสื่อมศรัทธาต่อสถาบันสงฆ์

แต่ท่ามกลางกระแสข่าวด้านลบเหล่านั้น ยังมีพระสงฆ์และวัดที่ยืนหยัดปฏิบัติหน้าที่ตามหลักธรรมอย่างเหน็ดเหนื่อยและไม่ย่อท้อ โดยหนึ่งในนั้นคือ วัดราษฎร์ประคองธรรม ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งภายใต้การนำของ พระกิตติวชิรธาดา เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประคองธรรม และเจ้าคณะอำเภอบางใหญ่ ได้ดำเนิน “โครงการบ้านหลังสุดท้าย” มายาวนานตั้งแต่ปี 2554 เพื่อช่วยเหลือผู้เสียชีวิตที่ไร้ญาติ ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือเป็นแรงงานต่างด้าว ให้สามารถจากไปอย่างสมเกียรติ

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 68 เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามภารกิจของวัดราษฎร์ประคองธรรม ซึ่งในวันนี้มีการประกอบพิธีฌาปนกิจศพ จำนวน 5 ราย แบ่งเป็นศพไร้ญาติ 3 ราย และศพที่มีญาติ 2 ราย โดยวัดได้จัดโลงศพให้ฟรี มีรถรับ-ส่งถึงสถานที่เสียชีวิต พร้อมทั้งมีพิธีสวดอภิธรรมให้ 1 คืน และดำเนินการเผาศพโดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น


พระกิตติวชิรธาดา เปิดเผยว่า โครงการบ้านหลังสุดท้ายนี้เป็นกิจกรรมที่วัดดำเนินการต่อเนื่องมาหลายปี โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทางวัดได้สงเคราะห์ผู้เสียชีวิตมากถึง 1,306 ราย และยังคงให้บริการอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าผู้เสียชีวิตจะเป็นคนไทยหรือต่างด้าว หากมีเอกสารครบก็สามารถขอความช่วยเหลือจากวัดได้ทันที โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา วัดได้ฌาปนกิจศพไปถึง 55 ราย และขณะนี้ศาลาต่าง ๆ ภายในวัดก็เต็มตลอดทั้งเดือน ศพไม่มีญาติ ครอบครัวไม่มีเงิน หรือชาวเมียนมา กัมพูชา เราก็ช่วยหมด วัดคือที่สุดท้ายของชีวิต ฉะนั้นเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ฝากประชาชนที่พบเห็นผู้เสียชีวิตซึ่งไร้ญาติ หรือไม่มีผู้จัดการศพ ให้แจ้งมาทางวัดได้ทันที โดยทางวัดจะจัดรถไปรับร่าง และดำเนินพิธีให้

ด้านนายไพรัช สุดธูป ไวยาวัจกรวัดราษฎร์ประคองธรรม เปิดเผยว่า ทางวัดดำเนินกิจกรรมทั้งหมดอย่างเปิดเผยและโปร่งใส ไม่เคยเรียกรับเงินหรือผลประโยชน์จากญาติโยม เพราะถือเป็นหน้าที่ของพระสงฆ์ที่ต้องสงเคราะห์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยเฉพาะในยามที่คนจำนวนมากไม่มีทางออก

เราไม่รับเงิน ไม่รับสิ่งตอบแทนจากผู้ที่มาขอความช่วยเหลือ เพราะเราทำด้วยใจจริง ถ้ารับเงินเราก็ไม่ต่างจากวัดที่รับจ้างเผาศพ ทุกวันนี้สิ่งที่วัดขาดแคลนมากคือโลงศพและน้ำมันเผาศพ วันหนึ่งต้องใช้น้ำมันหลายร้อยลิตร รวมถึงรถที่ต้องไปรับร่างตามสถานที่ต่าง ๆ ถ้าใครอยากร่วมทำบุญก็สามารถมาที่วัดได้เลย


ขณะเดียวกัน น.ส.เจนสุดา กลิ่นเจริญ อายุ 29 ปี ลูกสาวของผู้เสียชีวิตที่ได้รับความช่วยเหลือจากทางวัด เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนดูแลพ่อซึ่งป่วยอัมพฤกษ์มานานกว่า 12 ปี โดยก่อนเสียชีวิตพักอยู่ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และมักต้องเข้า-ออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง ทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายสูง จึงได้รับคำแนะนำจากญาติให้ติดต่อวัดราษฎร์ประคองธรรม ซึ่งแม้ในช่วงที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ ทางเจ้าหน้าที่ของวัดก็ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งการรับ-ส่งผู้ป่วย ดูแลเรื่องยา และประสานกับโรงพยาบาล โดยไม่เคยเรียกเงินแม้แต่บาทเดียว

พอพ่อตนเสียชีวิต ทางวัดก็ดำเนินพิธีทุกอย่างให้จนเสร็จสมบูรณ์ ดิฉันและครอบครัวรู้สึกดีใจมากที่ยังมีพระและวัดดี ๆ แบบนี้อยู่ อยากฝากให้สังคมมองเห็นด้านดีของพระบ้าง เพราะพระดี ๆ ยังมีอยู่จริง อย่างที่วัดราษฎร์ประคองธรรม

อยากฝากถึงประชาชนว่า อย่าเหมารวมว่าพระสงฆ์ทั้งหมดไม่ดี เพราะยังมีพระที่ตั้งใจทำงานเพื่อสังคมอย่างแท้จริง และอยากเชิญชวนให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญกับวัดแห่งนี้ ที่ยังคงทำหน้าที่ “บ้านหลังสุดท้าย” ให้ผู้ยากไร้ได้จากไปอย่างมีศักดิ์ศรี

สำหรับผู้ที่ประสงค์จะร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของวัดราษฎร์ประคองธรรม สามารถติดต่อได้ที่วัดโดยตรง ทั้งการบริจาคโลงศพ น้ำมันเผาศพ หรือช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านการขนส่ง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งผู้ล่วงลับไปสู่ภพภูมิที่ดี

ที่มา.ภาพ/ข่าว ทีมข่าวนนทบุรี
#สมาคมผู้สื่อข่าวดิจิตอลและออนไลน์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชาวบ้านสันติสุข ร.8 รวมตัวออกมาปกป้องวัด ในชุมชนหลังจากถูกอดีตนายตำรวจใหญ่ ร้องเรียนวัดบุกรุกที่สาธารณะ

ชาวบ้านสันติสุข ร.8 รวมตัวออกมาปกป้องวัด ในชุมชนหลังจากถูกอดีตนายตำรวจใหญ่ ร้องเรียนวัดบุกรุกที่สาธารณะ เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2567  เวลา 10.30 น. ผู้นำชุมชน และ ชาวบ้านในชุมชน สันติสุข หมู่ 11 ต.บ้านเป็ด รวมตัวกันกว่า 60 คน ณ วัดสันติสุข วนาราม กรณีข้อพิพาท ระหว่าง อดีตนายตำรวจใหญ่ กับ พระ และกรรมการวัด สันติสุข กรณีสร้างเสนาสนะ ต่างๆโดยไม่รับอนุญาต และวันนี้มีการแจ้งว่า  วันนี้ ทางตำรวจ และ เทศบาลบ้านเป็ด จะเข้าจับกุม พระ และผู้ที่เข้ามาทำบุญ และผู้ที่อยู่ในบริเวณวัดสันติสุข ซึ่งในวันนี้มีประชาชน และพุทธศาสนิกชน ชาวบ้าน สันติสุข ได้มารวมตัวกันเพื่อคัดค้าน การดำเนินการดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านในชุมชนมองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง และเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งชาวบ้านได้รวมตัวกัน อย่างสงบ ในบริเวณวัดสันติสุข และเวลาประมาณ 11.20 น. ได้มีผู้ร้อง ซึ่งเป็นอดีตตำรวจใหญ่ ได้มาพูดคุยชี้แจงกับชาวบ้าน ว่ากรณีวันนี้ไม่มีทางเทศบาล และ ตำรวจ เข้ามาที่วัด เข้าข่ายละเว้นต่อหน้าที่ราชการ หรือไม่ และให้ทางเทศบาลบ้านเป็ด ต้องมาขุดลอกคลองเปิดแก้มลิง ทำเป็นทางระบายน้ำแบบคลองยาว และชาวบ้านต้องร่วมเ...

เจ้าอาวาสวัดบางปลาหมอ พระนักพัฒนา สวนกระแสข่าวดังพระ แนะหลักธรรมให้ชาวพุทธยึดถือปฏิบัติในยุคนี้ พร้อมเตรียมโครงการพัฒนาชุมชนให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

เจ้าอาวาสวัดบางปลาหมอ พระนักพัฒนา สวนกระแสข่าวดังพระ แนะหลักธรรมให้ชาวพุทธยึดถือปฏิบัติในยุคนี้ พร้อมเตรียมโครงการพัฒนาชุมชนให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข พระครูธรรมธรสามารถ จตฺตมโล เจ้าอาวาสวัดบางปลาหมอ ตำบลดอนกำยาน อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ประกอบพิธีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา พร้อมเทศนาธรรมะให้ผู้ที่มาร่วมทำบุญ โดยเฉพาะหลักธรรมที่ชาวพุทธ โดยกล่าวว่า “ชาวพุทธยุคนี้ ควรจะยึดถือปฏิบัติในยุคนี้ นั่นคือความเมตตา ความมีน้ำใจ รู้จักให้อภัย ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่เบียดเบียนกัน หรือหลักพรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา อุเบกขา และมุทิตา นั่นเอง ถ้าบ้านเมืองเราและคนในชุมชนมีหลักของความเมตตา มีพรหมวิหาร 4 การดำรงชีวิตไปด้วยความราบรื่น สังคมบ้านเมืองจะสงบสุข”  พระครูธรรมธรสามารถ จตฺตมโล เจ้าอาวาสวัดบางปลาหมอ ตำบลดอนกำยาน อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ยังกล่าวถึงกระแสข่าวเกี่ยวกับการกระทำผิดวินัยสงฆ์ ที่เป็นข่าวโด่งดังในช่วงนี้ว่า “รู้สึกหนักใจกับกระแสข่าวดังกล่าว ซึ่งพระภิกษุสงฆ์ควรยึดหลักธรรมคำสอน ”อริยสัจ 4“ ขอองค์พระสัมมาสั...

ตัวแทนผู้เสียหายร้องขอความเป็นธรรมทางคดีต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ทนายกิจจา นำตัวแทนผู้เสียหายร้องขอความเป็นธรรมทางคดีต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหลังถูกบริษัทดำเนินคดีกับสมาชิกที่มีการถอนเงินตามสิทธิ์ที่บริษัทประกาศไว้ ซึ่งคดีนี้มี นายตำรวจเข้ามาแทรกแซงการดำเนินคดี ทนายกิจจา อาลีอิสเฮาะ นำ 1 ในตัวแทนผู้เสียหาย 21 คน ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ต่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหลัง ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคดีเนื่องจากมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายนายทั้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหัวหน้าสถานีตำรวจรายท้องที่แทรกแซงการทำสำนวนคดีเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนไม่มีความเป็นอิสระในการทำสำนวนขอถอนตัวจากการเป็นพนักงานสอบสวนหลายคน โดยผู้ร้องกล่าวว่า เป็นสมาชิกจากการสมัครแพลตฟอร์ม “COREASSET" ของบริษัทซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับ Digital Asset โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อเล่นกิจกรรมที่บริษัทประกาศโฆษณาประชาสัมพันธ์เชิญชวน โดยให้สามารถถอนเงินได้ทุกวัน เมื่อผู้ร้องพร้อมพวก 20 กว่าคน เข้าไปสมัครเป็นสมาชิกแล้วเล่นกิจกรรมตามที่บริษัทประกาศโฆษณาเชิญชวนไว้กลับไม่ชำระเงินให้กับสมาชิกตามที่ ประกาศเชิญชวน ต่อมาบริษัทดำเนินคดีกับสมาชิกที่...