ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ผู้ว่าฯ นนท์นำปล่อยแถว เปิดปฏิบัติการกวาดล้างแรงงานต่างด้าวตลาดบางใหญ่ ตรวจ 400 ราย พบผิดเพียง 4 เดินหน้าปราบต่อเนื่อง

นนทบุรี ผู้ว่าฯ นนท์นำปล่อยแถว เปิดปฏิบัติการกวาดล้างแรงงานต่างด้าวตลาดบางใหญ่ ตรวจ 400 ราย พบผิดเพียง 4 เดินหน้าปราบต่อเนื่อง


วันนี้ 13 มิ.ย.68 ที่ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ปล่อยแถวระดมกำลังเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน เปิดปฏิบัติการกวาดล้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายในพื้นที่อำเภอบางใหญ่ โดยมี พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.เขมพัทธ์ โพธิพิทักษ์ รองผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม  รอง ผบก.ตม.3  พ.ต.อ.สิรภพ อนุศิริ ผกก.สภ.บางใหญ่ พ.ต.อ.จิรายุส วานิชกูล ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี  พ.ต.อ.พัดธงทิว ดามาพงศ์ ผกก.ตม.จว.นนทบุรี พ.ต.ท.ราเชนทร์ ถนัดพจนามาตย์ รอง ผกก.ป.สภ.บางใหญ่  นายสุรชัย โคตรบุตรดี นายอำเภอบางใหญ่  นายจเร ซุ้นหั้ว ป้องกันจังหวัดนนทบุรี ร.อ.ชโยดม หล่าแสนเมือง กอ.รมช.จังหวัดนนทบุรี  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยปฏิบัติการพิเศษภูธรจังหวัดนนทบุรี (พยัคฆ์นนท์ 66)  เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอบางใหญ่ เข้าร่วมในการปล่อยแถวทั้งหมดกว่า 250 นาย

การปฏิบัติการครั้งนี้มีเป้าหมายหลักในการตรวจสอบพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะบริเวณตลาดบางใหญ่ โซนตลาดสดเนื้อสัตว์  ผลไม้ และคอนโดมิเนียมในพื้นที่ ซึ่งคาดว่าอาจมีแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาอาศัยหรือทำงานอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบเอกสาร ประวัติ และสถานะที่พักอาศัย เพื่อคัดกรองและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด


นายเกียรติศักดิ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์แรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมายในขณะนี้ ทางจังหวัดนนทบุรีให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างมาก โดยได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด พร้อมประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ฝ่ายปกครองจังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด รวมถึงกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เพื่อร่วมกันตรวจสอบและดำเนินการตามเบาะแสที่ได้รับ รวมถึงพื้นที่เสี่ยงที่อาจมีการกระทำความผิดของแรงงานต่างด้าว

ล่าสุด ได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบภายในตลาดบางใหญ่ โดยสามารถตรวจสอบแรงงานต่างด้าวได้ทั้งสิ้น 400 ราย พบว่ามีกลุ่มที่มีความผิดชัดเจน 4  ราย สะท้อนถึงความร่วมมือจากผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ยังเป็นไปในทิศทางที่ดี

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่แรงงานต่างด้าวกระทำผิดกฎหมาย จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด และในกรณีที่แรงงานต่างด้าวมีพฤติกรรมเป็นเจ้าของแผงค้า หรือเปิดกิจการด้วยตนเอง ถือเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ซึ่งจังหวัดนนทบุรีจะเร่งรัดดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาในทุกพื้นที่อย่างจริงจัง เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวยุติลงโดยเร็วที่สุด

พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ เปิดเผยว่า  หลังได้รับนโยบายจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีการกำหนดเป้าหมายในการตรวจสอบและจับกุมแรงงานต่างด้าวในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี โดยไม่ได้จำกัดเฉพาะพื้นที่ตลาดบางใหญ่เท่านั้น แต่จะดำเนินการอย่างครอบคลุมทั้งจังหวัด โดยมีการแบ่งพื้นที่เสี่ยงที่มีแรงงานต่างด้าวรวมตัวอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ตลาดสด แคมป์คนงานก่อสร้าง และพื้นที่ตลาดอื่นๆ

ตำรวจในทุกอำเภอและทุกสถานีตำรวจจะปฏิบัติการพร้อมกันแบบปูพรมทั่วทั้งจังหวัด โดยมีการสรุปและจัดทำข้อมูลพื้นที่เสี่ยงไว้ชัดเจน ซึ่งได้รับข้อมูลจากผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนนทบุรีว่า จากการตรวจสอบล่าสุดพบการกระทำผิดเพียงเล็กน้อย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดบางใหญ่

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่คาดหวังว่าผู้ประกอบการในพื้นที่อื่นของจังหวัดนนทบุรีจะให้ความร่วมมือในลักษณะเดียวกัน และยืนยันว่า การตรวจสอบและการจับกุมจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถปล่อยปละละเลยได้

สำหรับการดำเนินคดีเบื้องต้นในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานอยู่เกินกำหนดอนุญาต (โอเวอร์สเตย์) และไม่แจ้งที่พักอาศัยตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง โดยสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้รวม 4 ราย ประกอบด้วย  ชายชาวเวียดนาม 1 ราย มีความผิดฐานอยู่เกินกำหนดอนุญาต หญิงชาวลาว 1 ราย ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หญิงชาวลาว 1 ราย และชายชาวลาว 1 ราย ไม่มีเอกสารการเข้าเมืองที่ถูกต้อง

เบื้องต้นพบการกระทำความผิดเพียงเล็กน้อย ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองต่อไป

ที่มา.ภาพ/ข่าวทีมข่าวนนทบุรี
#สมาคมผู้สื่อข่าวดิจิตอลและออนไลน์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชาวบ้านสันติสุข ร.8 รวมตัวออกมาปกป้องวัด ในชุมชนหลังจากถูกอดีตนายตำรวจใหญ่ ร้องเรียนวัดบุกรุกที่สาธารณะ

ชาวบ้านสันติสุข ร.8 รวมตัวออกมาปกป้องวัด ในชุมชนหลังจากถูกอดีตนายตำรวจใหญ่ ร้องเรียนวัดบุกรุกที่สาธารณะ เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2567  เวลา 10.30 น. ผู้นำชุมชน และ ชาวบ้านในชุมชน สันติสุข หมู่ 11 ต.บ้านเป็ด รวมตัวกันกว่า 60 คน ณ วัดสันติสุข วนาราม กรณีข้อพิพาท ระหว่าง อดีตนายตำรวจใหญ่ กับ พระ และกรรมการวัด สันติสุข กรณีสร้างเสนาสนะ ต่างๆโดยไม่รับอนุญาต และวันนี้มีการแจ้งว่า  วันนี้ ทางตำรวจ และ เทศบาลบ้านเป็ด จะเข้าจับกุม พระ และผู้ที่เข้ามาทำบุญ และผู้ที่อยู่ในบริเวณวัดสันติสุข ซึ่งในวันนี้มีประชาชน และพุทธศาสนิกชน ชาวบ้าน สันติสุข ได้มารวมตัวกันเพื่อคัดค้าน การดำเนินการดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านในชุมชนมองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง และเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งชาวบ้านได้รวมตัวกัน อย่างสงบ ในบริเวณวัดสันติสุข และเวลาประมาณ 11.20 น. ได้มีผู้ร้อง ซึ่งเป็นอดีตตำรวจใหญ่ ได้มาพูดคุยชี้แจงกับชาวบ้าน ว่ากรณีวันนี้ไม่มีทางเทศบาล และ ตำรวจ เข้ามาที่วัด เข้าข่ายละเว้นต่อหน้าที่ราชการ หรือไม่ และให้ทางเทศบาลบ้านเป็ด ต้องมาขุดลอกคลองเปิดแก้มลิง ทำเป็นทางระบายน้ำแบบคลองยาว และชาวบ้านต้องร่วมเ...

เจ้าอาวาสวัดบางปลาหมอ พระนักพัฒนา สวนกระแสข่าวดังพระ แนะหลักธรรมให้ชาวพุทธยึดถือปฏิบัติในยุคนี้ พร้อมเตรียมโครงการพัฒนาชุมชนให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

เจ้าอาวาสวัดบางปลาหมอ พระนักพัฒนา สวนกระแสข่าวดังพระ แนะหลักธรรมให้ชาวพุทธยึดถือปฏิบัติในยุคนี้ พร้อมเตรียมโครงการพัฒนาชุมชนให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข พระครูธรรมธรสามารถ จตฺตมโล เจ้าอาวาสวัดบางปลาหมอ ตำบลดอนกำยาน อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ประกอบพิธีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา พร้อมเทศนาธรรมะให้ผู้ที่มาร่วมทำบุญ โดยเฉพาะหลักธรรมที่ชาวพุทธ โดยกล่าวว่า “ชาวพุทธยุคนี้ ควรจะยึดถือปฏิบัติในยุคนี้ นั่นคือความเมตตา ความมีน้ำใจ รู้จักให้อภัย ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่เบียดเบียนกัน หรือหลักพรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา อุเบกขา และมุทิตา นั่นเอง ถ้าบ้านเมืองเราและคนในชุมชนมีหลักของความเมตตา มีพรหมวิหาร 4 การดำรงชีวิตไปด้วยความราบรื่น สังคมบ้านเมืองจะสงบสุข”  พระครูธรรมธรสามารถ จตฺตมโล เจ้าอาวาสวัดบางปลาหมอ ตำบลดอนกำยาน อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ยังกล่าวถึงกระแสข่าวเกี่ยวกับการกระทำผิดวินัยสงฆ์ ที่เป็นข่าวโด่งดังในช่วงนี้ว่า “รู้สึกหนักใจกับกระแสข่าวดังกล่าว ซึ่งพระภิกษุสงฆ์ควรยึดหลักธรรมคำสอน ”อริยสัจ 4“ ขอองค์พระสัมมาสั...

ตัวแทนผู้เสียหายร้องขอความเป็นธรรมทางคดีต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ทนายกิจจา นำตัวแทนผู้เสียหายร้องขอความเป็นธรรมทางคดีต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหลังถูกบริษัทดำเนินคดีกับสมาชิกที่มีการถอนเงินตามสิทธิ์ที่บริษัทประกาศไว้ ซึ่งคดีนี้มี นายตำรวจเข้ามาแทรกแซงการดำเนินคดี ทนายกิจจา อาลีอิสเฮาะ นำ 1 ในตัวแทนผู้เสียหาย 21 คน ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ต่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหลัง ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคดีเนื่องจากมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายนายทั้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหัวหน้าสถานีตำรวจรายท้องที่แทรกแซงการทำสำนวนคดีเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนไม่มีความเป็นอิสระในการทำสำนวนขอถอนตัวจากการเป็นพนักงานสอบสวนหลายคน โดยผู้ร้องกล่าวว่า เป็นสมาชิกจากการสมัครแพลตฟอร์ม “COREASSET" ของบริษัทซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับ Digital Asset โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อเล่นกิจกรรมที่บริษัทประกาศโฆษณาประชาสัมพันธ์เชิญชวน โดยให้สามารถถอนเงินได้ทุกวัน เมื่อผู้ร้องพร้อมพวก 20 กว่าคน เข้าไปสมัครเป็นสมาชิกแล้วเล่นกิจกรรมตามที่บริษัทประกาศโฆษณาเชิญชวนไว้กลับไม่ชำระเงินให้กับสมาชิกตามที่ ประกาศเชิญชวน ต่อมาบริษัทดำเนินคดีกับสมาชิกที่...